ยินดีต้อนรับ

อริยธรรม ธรรมของพระอริยเจ้า ศิษย์หลวงพ่อฉลวย อาภาธโร

วันอังคารที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

(188) อสุภะ ๑๐ "อัฏฐิกะ" กรรมฐานของญาติธรรม

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ณัฐนนต์ สิปปภากุล
 
 
 
ภาพเขียนโดย ดร.ทวี รัชนีกร ศิลปินแห่งชาติ สาขาจิตรกรรมปี 2548
 

 
 
 
"อสุภะ ๑๐ อัฏฐิกะ" กรรมฐานของญาติธรรม
.........................................................
ท่านทั้งหลาย ผมขอยกเอาคำสนทนาระหว่างผมกับญาติธรรมท่านหนึ่งเรื่อง การภาวนา มาเผยแพร่เผื่อเป็นประโยชน์ต่อนักภาวนาบ้าง อาจไม่ถูกต้องทั้งหมด แต่ผมก็ได้แสดงออกตามภูมิที่ผมมีอยู่ดังนี้ครับ

 
ดหมายจากคุณธนบดี
.............................
กราบสวัสดีครับท่านอาจรารย์ ผมติดตาม บล็อคของท่านอาจารย์มาหลายปี แต่ยังไม่ได้ทักทายท่านอาจารย์ ผมปฏิบัติมาประมาณ 6 ปี ควบคู่กับการศึกษาพระไตรปิฎก และพระธรรมคำสอนของอาจารย์ท่านต่างๆ ตอนปีแรกๆ ก็ตัวหนัก ตัวบิด ตัวเอียง เกิดแสง ปกติผมนั่งสมาธิ เช้า 1 ชั่วโมง เย็น 1 ชั่วโมง พอมาปี 2555 พระที่ไปกราบท่านที่สุรินทร์ (วัดที่ ต.นาดี อ.เมือง ) แนะนำไม่ให้อ่านพระไตรปิฏก ผมเลยหยุดอ่านและหันมาภาวนาอย่างเดียว
 
ประมาณปลายปี 2555 ขณะที่พิจารณาเกิดตัวหนัก ผมเลยลองพิจารณากายตามกรรมฐาน 5 อาการตัวหนัก ตัวบิดหายไป ลมหายใจหายไป เหลือสงบนิ่ง มองเห็นตัวเองเป็นโครงกระดูกประมาณ 2 วัน หลังจากนั้นดูเหมือนจะหายไปหมด นั่งก็ไม่ค่อยสงบ นั่งภาวนาประมาณ 10 นาทีก็จะหลับ หรือนอนภาวนาไม่ถึง 5 นาที ก็หลับ ผมหันมายืนภาวนาบ้าง บางทียืนก็หลับครับท่านอาจารย์

ขอความเมตตาจากท่านอาจารย์ครับ
1.ผมอยากได้หนทางที่ถูกต้องครับ หากเดินถูกทางซักวันน่าจะถึงที่หมายได้ แม้จะหลายภพหลายชาติ หากไปไม่ถูกทาง โอกาสถึงที่หมายคงจะไม่มี
2.ผมขอฝากตัวเป็นลูกศิษย์ในทางธรรมของท่านอาจารย์ และขอมีส่วนร่วมกับท่านอาจารย์ในการบำเพ็ญบุญเพื่อสั่งสมบารมีครับ
กราบขอบพระคุณท่านอาจารย์ด้วยความเคารพครับ
ธนบดี

 
จดหมายตอบจาก ดร.นนต์
...................................
สวัสดีครับคุณธนบดี
ก่อนอื่นผมต้องขออนุโมทนาในจิตอันเป็นกุศลของคุณ ที่พยายามหาทางพ้นทุกข์ ซึ่งนับว่าหายากในยุคปัจจุบัน คงเป็นด้วยบุญเก่า เมื่อถึงเวลาบุญก็มาสะกิดเตือนให้เราเร่งสร้างสมบุญบารมีต่อไป และไม่มีเหตุบังเอิญสำหรับสายบุญที่จักได้พบเจอหรือวนมาสร้างสมบุญบารมีด้วยกันอีกครั้ง ผมเองก็พยายามค้นหาด้วยจริตและบุญเดิม จึงได้มาพบครูบาอาจารย์ที่แท้จริงได้ เมื่อท่านพ้นทุกข์ได้เราก็มีสิทธิ์ที่จะพ้นทุกข์ได้เช่นกัน เพราะเราเดินตามรอยผู้พ้นแล้ว ความหลงจึงไม่มี จะยังเหลือแต่ความเพียรที่จะตามท่านไปก็เท่านั้น

ดูจากการภาวนาของคุณก็นับว่ามีความก้าวหน้าในทางจิตภาวนามากพอควร หากได้ครูอาจารย์ที่ดีคุณคงไปได้เร็วกว่านี้ อาการต่างๆที่เกิดขึ้นระหว่างการภาวนานั้นมีหลากหลายแตกต่างกันไป หนักบ้าง เบาบ้าง เอนเอียง แน่นหน้าอก ปวดศรีษะ อึดอัด โล่งสบาย และสารพัน นั้นก็เป็นเรื่องธรรมดา อาจมีทั้งปรุงแต่งขึ้นมาบ้าง เป็นไปเองบ้าง สงบบ้าง ฟุ้งซ่านบ้าง ปีติบ้าง พอใจบ้าง ไม่พอใจบ้าง นั่นก็เป็นเรื่องธรรมดาของนักภาวนามือใหม่ แต่อย่างไรก็ตาม แม้จะมีอาการอะไรเกิดขึ้นก็ขอให้พิจารณาว่า ทุกสิ่งมันไม่เที่ยง สุขก็ไม่เที่ยง ทุกข์ก็ไม่เที่ยง กลางๆก็ไม่เที่ยง ไม่มีอะไรเที่ยงสักอย่าง หากจิตพิจารณาตามนี้ก็จะคลายวิตกวิจารณ์ไปได้ จะภาวนาอยู่ในอริยาบทใด เวลาใด กิจกรรมใดอยู่ก็ชั่ง ครูอาจารย์ท่านให้ฝึกสติ คือ ให้รู้ว่าเรากำลังทำอะไร จะเกิดอะไรขึ้นก็ให้รู้ตามความเป็นจริงคือ เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไปเป็นธรรมดา เมื่อฝึกบ่อยเข้าเราก็จะรู้ทันมัน แล้วจะไม่ไปยึดเอามันมาเป็นอารมณ์ แล้วจะปล่อยวางมันไปในที่สุด

เท่าที่ดูจริตของคุณที่ใช้การพิจารณากรรมฐานห้า จนจิตสงบถึงขั้นเห็นร่างกายเป็นโครงกระดูกนั้น นับว่าจิตของคุณได้เข้าไปสู่ฐานของสมาธิที่แท้จริงแล้ว เพียงแต่ความสม่ำเสมอไม่ต่อเนื่อง หรืออินทรีย์ยังไม่แก่กล้า จึงไม่สามารถเข้าไปอยู่ในสภาวะนั้นได้นาน และไม่สามารถเข้าไปได้อีกเลย คุณคงต้องเริ่มฝึกอินทรีย์ให้แกร่งทั้งกายและใจ อาจเดินจงกรมจนสว่างจนร่างกายเดินโซเซ ล้มก็ชั่งหัวมัน หรือจะยืนจะนั่งสลับกันตลอดทั้งคืนก็ได้ เพื่อกำจัดนิวรณ์และเป็นการฝึกอินทรีย์ที่ดีที่สุดสำหรับมือใหม่ หรืออาจอดอาหารเย็นเพื่อไม่ให้ร่างกายง่วง ลองค่อยๆทำดูนะครับ ขณะเดินจงกรมหรือการยืนการนั่งก็ให้หันมาใช้ปัญญาในการพิจารณา มีอะไรมาปะทะกายหรืออายตนะทั้งหมดก็รู้ รู้แล้วก็วาง พิจารณาเห็นการเกิดการดับของอายตนะทั้งหลาย หากมันคิดออกนอกเรื่องก็ให้รู้ทันมัน ไม่ต้องเกร็งไม่ต้องกังวล ปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติ ผมทำได้ผลมาแล้วครับ (ให้ทิ้งตำราทิ้งความจำทั้งหลายไว้ก่อน ให้หันมาปฏิบัติภาวนาอย่างเดียว แล้วจิตเขาจะดำเนินวิถีของเขาไปเอง)

1. หากเดินตามพระอรหันต์ผู้พ้นกิเลสแล้ว หรือตามอริยบุคคล ย่อมไม่มีหลงทาง จะยังเหลือแต่ความเพียรและจิตอันเด็ดเดี่ยวที่จะไปให้ถึงที่สุดแห่งธรรม แต่พระอรหันต์ทั้งโลกที่ดำรงธาตุขันธ์อยู่ในปัจจุบันก็มีแค่สิบองค์ ใครจะค้นพบก็นับเป็นบุญวาสนาครับ

2. ผมขออนุโมทนาที่คุณยกย่องผม แม้ผมจะเป็นเพียงผู้ค้นหาธรรมและยังไม่ถึงที่สุดแห่งธรรมก็ตาม เราก็ต่างนับถือกันที่คุณธรรมมิใช่ที่ฐานะทางโลก และผมก็มีความยินดีในบัณฑิตผู้แสวงหาธรรมทุกท่าน เราจะพากันไปพบพระพุทธเจ้าด้วยกันครับ

ปล. ผมตอบตามภูมิที่ผมมีอยู่ในขณะนี้ อาจไม่ถูกต้องทั้งหมด หากยังไม่ก้าวหน้าคงต้องไปพบกับหลวงพ่อครับ
 
ขอเจริญในธรรม
ดร.นนต์
18 กรกฎาคม 2556
 
จดหมายจากคุณธนบดี
..............................
กราบขอบพระคุณท่านอาจารย์ด้วยความเคารพยิ่งครับในความเมตตาที่มอบให้ กระผมจะดำเนินตามแนวทางตามที่อาจารย์เมตตาสั่งสอนตลอดไปครับ

ธนบดี
24 กรกฎาคม 2556

1 ความคิดเห็น: