❇️ บันทึกนักภาวนา 4/2555
❇️ ธรรมาปาฏิหาริย์ อำนาจแห่ง "พุทโธ"
ท่านทั้งหลาย มีเรื่องหนึ่งที่อยากจะเล่าให้ฟัง คือ ในช่วงเช้าของวันศุกร์ที่ 3 กุมภาพันธ์ 2555 ก่อนที่บุรุษผู้หนึ่ง จะเดินทางไปกราบครูอาจารย์ที่กาฬสินธุ์ เขาได้รับโทรศัพท์จากพี่เขยว่า พี่สาวของเขาจะเข้าโรงพยาบาล เพื่อผ่าตัดมะเร็งเต้านม (ระยะแรก) ที่โรงพยาบาลเซนต์แมรี่ นครราชสีมา แบบเร่งด่วน แต่บุรุษผู้เป็นน้องชาย มีโปรแกรมต้องเดินทางไปกาฬสินธุ์ เขาจึงบอกพี่สาวไปว่า ..."ผมไม่ได้อยู่ดูแลนะ ขอให้เข้าโรงพยาบาล เพื่อผ่าตัดตามกำหนด แล้วผมจะภาวนาช่วย และให้ภาวนา "พุทโธ" นะ"... เธอตอบตกลง
ความจริงแล้ว พี่สาวและพี่เขยของบุรุษผู้นี้ ต่างมีจิตใจใฝ่ในธรรม มักเข้าวัดทำบุญอยู่เป็นประจำ เนื่องจากครอบครัว คือ ตั้งแต่รุ่นปู่ย่าตายายลงมา จนถึงรุ่นพ่อแม่ มักมีความผูกพันอยู่กับวัด โดยเฉพาะยายและแม่ มักใส่บาตร ไปจังหันและเพลอยู่ทุกวันมิเคยขาด พอวันพระ ท่านก็จะนุ่งขาวห่มขาวไปรักษาศีล และเจริญภาวนาอยู่ที่วัด และเมื่อถึงวันพระคราใด ไม่บุรุษผู้น้องชาย หรือก็พี่สาว จะต้องทำหน้าที่ถือเสื่อสาดหมอน ไปส่งไปรับแม่และยายที่วัดเป็นประจำ ซึ่งเป็นนิสัยที่ต่างจากพี่น้องคนอื่นๆ
ต่อมา เมื่อราวปี 2553 พี่สาวและพี่เขย เริ่มเข้าวัดอย่างจริงจัง เพื่อภาวนาและถือศีลแปด เช่นเดียวกันกับแม่ของเขา และในที่สุด เธอก็โชคดี เมื่อได้พบและได้ไปปฏิบัติธรรมอยู่กับพ่อแม่ครูอาจารย์ หลวงพ่อฉลวย อาภาธโร ที่พักสงฆ์โคกปราสาท ที่อยู่ห่างจากหมู่บ้านของเธอ ราว 11 กิโลเมตร หลังจากนั้น ปลายปี 2554 บุรุษผู้เป็นน้องชาย ก็ตามไปถวายตัวเป็นศิษย์หลวงพ่อแห่งโคกปราสาท อีกทั้งผู้เป็นมารดาก็ได้ร่วมติดตามไปปฏิบัติธรรมด้วย
หลวงพ่อฉลวย อาภาธโร ท่านมีปัญญาญาณอันกว้างไกล ท่านบอกพี่สาวไว้ล่วงหน้าแล้วว่า... "แตงโมที่ปลูกไว้ ก็งามดีดอก ได้เงินมากอยู่ แต่ก็ขอให้เก็บเงินไว้รักษาตัวเองด้วยเด้อโยม"... แล้วท่านก็สอนให้ภาวนา "พุทโธ" และให้พิจารณาถึงความตาย ว่า อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา เป็นอารมณ์ ให้พิจารณาร่างกายเป็นของไม่เที่ยง ไม่มีสิ่งใดเป็นของตนเลย โดยมีคำภาวนา "พุทโธ" เป็นหลัก ซึ่งพี่สาวได้เล่าให้ฟังว่า เมื่อเธอเริ่มภาวนาสมาธิครั้งแรกนั้น ปรากฏว่า จิตของเธอสงบเร็วมาก จนเกิดภาพนิมิต เห็นภาพพระสงฆ์และแม่ชีสลับกัน นั่นจึงเป็นกำลังใจ ให้เธอมุ่งปฏิบัติธรรมเรื่อยมา
ท่านทั้งหลาย ครั้งแรกที่เธอเริ่มสัมผัสก้อนเนื้อร้ายที่เต้านมได้ เธอไม่ประมาท จึงได้ไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา หมอวินิจฉัยว่า เธอเป็นมะเร็ง เธอตกใจเล็กน้อย แต่ด้วยคุณแห่งการภาวนา และการพิจารณาสังขารอยู่เป็นประจำ พร้อมทั้งการพิจารณาเรื่องของเวรกรรม ที่ต้องชดใช้เจ้ากรรม จึงช่วยให้เธอระงับความวิตกกังวลได้
ต่อมาไม่นาน หมอได้นัดให้เธอมาตรวจอีกครั้ง เพื่อผ่าตัดเอาก้อนเนื้อตัวอย่างไปตรวจ (ยังไม่ตัดเต้านม) ปรากฏว่า ในขณะที่หมอกำลังผ่าตัดอยู่นั้น มีดผ่าตัดอันคมกริบ กลับไม่สามารถกรีดผิวหนังของเธอเข้าไปได้ เธอได้ยินหมอเรียกให้พยาบาลเอามีดเล่มใหม่มาให้ พร้อมกับพูดว่า "ผ่าไม่เข้า" เมื่อเปลี่ยนมีดเล่มใหม่แล้ว ก็ยังไม่สามารถกรีดเข้าอีก จนกระทั่งเล่มที่สาม จึงสามารถผ่าได้ เธอเล่าให้ฟังว่า เธอภาวนา "พุทโธ" อยู่ตลอดเวลา นี้จึงเป็นปาฏิหาริย์ ที่เกิดขึ้นกับเธอเป็นครั้งแรก
ต่อมา เมื่อทราบผลชัดเจนแล้วว่า เธอเป็นมะเร็งร้ายในระยะแรก เธอจึงตัดสินใจเข้าไปผ่าตัดด่วน ที่โรงพยาบาลเซนต์แมรี นครราชสีมา ในวันศุกร์ที่ 3 กุมภาพันธ์ 2555 ที่ผ่านมา พร้อมทั้งได้โทรศัพท์มาแจ้งบุรุษผู้เป็นน้องชาย พร้อมกับขอให้น้องชายภาวนาช่วยเธอด้วย เขาจึงบอกให้เธอภาวนา และขอให้อุทิศบุญกุศลแก่เจ้ากรรมนายเวรนะ ให้ระลึกถึงคุณของพระพุทธเจ้า พระธรรม พระอริยสงฆ์ พ่อแม่ และครูอาจารย์ ขอบุญกุศลทั้งหลายที่ได้บำเพ็ญมาแล้ว จงมาระงับความเจ็บปวดทั้งหลายด้วย
ต่อมา ประมาณบ่ายสามโมง เธอได้เข้าห้องผ่าตัด ซึ่งเป็นเวลาเดียวกันกับที่บุรุษผู้เป็นน้องชาย ได้ส่งจิตอธิษฐานไปให้กำลังใจตามที่เธอขอร้อง ขณะที่ตัวเธอเองก็ได้ภาวนา "พุทโธ" อยู่ตลอดเวลา เมื่อพยาบาลนำเครื่องวัดหัวใจที่ใช้ในการผ่าตัด แม้เครื่องวัดจะมีกระแสไฟฟ้าเข้าปรกติ แต่ปรากฏว่า เข็มวัดและคลื่นวัดไม่ทำงาน แม้จะเปลี่ยนเครื่องใหม่แล้วก็ตาม แต่มันก็หยุดนิ่งเฉยอยู่อย่างนั้น พยาบาลและหมอ ต่างสาละวนว่า เกิดอะไรขึ้น พยาบาลเอ่ยปากถามพี่สาวว่า "ป้าๆ มีของดีของขลังอะไรอยู่ในตัวหรือเปล่า" พี่สาวตอบว่า "ไม่มีอะไรคุณหมอ" จนเวลาล่วงเลย คือยานอนหลับออกฤทธิ์ไม่รู้สึกตัวแล้ว หมอจึงลงมือผ่าตัดได้ นั่นจึงเป็นปาฏิหาริย์ ที่บังเกิดขึ้นกับเธอเป็นครั้งที่สอง
ต่อมา เมื่อผ่าตัดเสร็จแล้ว หมอให้เธอมาพักผ่อนในห้องพิเศษเหมือนคนไข้ทั่วๆไป แต่ปรากฏว่า เธอไม่มีอาการเจ็บปวดหรือเป็นไข้ใดๆ หมอมาตรวจมาวัดทุกครั้ง ก็ได้คำตอบว่า ปรกติเหมือนคนทั่วไป ดูหน้าตาก็แจ่มใส กินอาหารได้มากกว่าปรกติ แผลก็หายเร็วกว่าปรกติ จนหมอสงสัยว่า เกิดอะไรขึ้น หรือเป็นการผ่าตัดเอาเต้านมออก โดยไม่ได้เป็นเนื้อร้ายหรือไม่ เนื่องจากหมอที่โรงพยาบาลแห่งนี้ เอาผลการตรวจมาจากโรงพยาบาลแรก โดยไม่ได้ตรวจซ้ำ จึงเกิดความโกลาหลขึ้นเล็กน้อย นี้จึงเป็นปาฏิหาริย์ ครั้งที่สาม
เมื่อบุรุษผู้เป็นน้องชาย ได้เดินทางกลับจากกาฬสินธุ์แล้ว ได้ไปเยี่ยมเธอที่โรงพยาบาล พร้อมกับได้อธิษฐานจิตแผ่พลังเมตตา เธอโน้มจิตรับเอาด้วยศรัทธา เธอบอกว่า มีพลังวิ่งไปทั่วร่างของเธอ เธอเกิดความปีติยินดี เพราะกระแสแห่งความเย็น ได้แผ่ซ่านไปทั้งตัวเธอ ต่อมา เธอจึงได้ปวารณาตัวว่า หากน้องชายออกบวชเมื่อไร เธอจะขอติดตามไปภาวนาด้วย และจะขอภาวนาไปตลอดชีวิต นี้จึงเป็นปาฏิหาริย์ ที่บังเกิดขึ้นกับเธอเป็นครั้งที่สี่
ท่านทั้งหลาย ในวันต่อมา เธอเล่าให้ฟังว่า ประมาณช่วงตีสาม เธอได้ลุกขึ้นมาภาวนาบนเตียงคนไข้ นานจนถึงเกือบสว่าง ได้ปรากฏภาพนิมิตขึ้นมาว่า มีผู้หญิงผมยาวมายืนหน้าเศร้าอยู่ข้างเตียง บุรุษผู้เป็นน้องชาย จึงบอกให้เธออุทิศบุญให้เขานะ เขาคงมาขอส่วนบุญ พอคืนต่อมา ขณะที่เธอนั่งภาวนาบนเตียงคนไข้เหมือนเดิม ก็ปรากฏเห็นภาพเด็กหนุ่มมีเลือดเต็มศรีษะ มายืนอยู่ข้างเตียงอีก พร้อมกับเห็นภาพคนนอนตายอยู่ข้างโรงพยาบาลด้วย เธอจึงได้อุทิศแผ่บุญกุศลไปให้ เมื่อมีญาติๆ มาเยี่ยม ต่างก็แปลกใจว่า ทำไมเธอไม่เหมือนคนไข้ แถมยังมีหน้าตาสดชื่นผ่องใส แถมยังได้โปรดพวกวิญญาณอีกต่างหาก นี้จึงเป็นปาฏิหาริย์ ที่บังเกิดขึ้นกับเธอเป็นครั้งที่ห้า
ท่านทั้งหลาย ที่ผู้เขียนนำเอาเรื่องราวนี้ มาเล่าสู่กันฟัง มิใช่จะยกตัวตนผู้ใดขึ้นมา แต่ก็เพื่อให้พวกเราได้ตระหนัก และเชื่อมั่นในคุณของพระพุทธ พระธรรม และพระอริยสงฆ์ และขอให้เชื่อมั่นในพลานุภาพแห่งคำภาวนา "พุทโธ" นั้น ชั่งยิ่งใหญ่จริงๆ ไม่มีสิ่งใดมาเสมอเหมือนได้ และขอให้เชื่อในเรื่องของบุญกุศล หรือแม้แต่การอุทิศแผ่บุญกุศล ให้กับเจ้ากรรมนายเวร และดวงวิญญาณต่างๆนั้น นับว่ามีอานิสงส์มาก และขอให้เชื่อมั่นว่า "ธรรมาโอสถ" นั้น เป็น "ธรรมาปาฏิหาริย์" ที่สามารถระงับความเจ็บปวดได้จริง นี่คือผลของการเจริญภาวนา "พุทโธ" และพิจารณาถึงความตาย ตามคำสอนของพระพุทธองค์ และตามคำแนะนำของหลวงพ่อแห่งโคกปราสาท จึงส่งผลอย่างที่ผู้เขียนกล่าวมาแล้ว จึงขออนุโมทนา กับผู้ที่ได้อ่านเจอข้อความนี้ ทุกท่านเทอญ
ขอเจริญในธรรม
อกุปปธรรม
11 กุมภาพันธ์ 2555
ขออนุโมทนาบุญกุศลด้วยน่ะค่ะ...
ตอบลบขออนุโมทนาบุญ สาธุครับ
ตอบลบขออนุโมทนาบุญด้วยนะคะ สาธุ คะ
ตอบลบสาธุสาธุสาธุอนุโมทามิ
ตอบลบ